บริการของเรา
มาตรฐานการให้บริการ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยพักฟื้น ดูแลผู้ป่วยติดเตียง Nest Nursing Home
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยพักฟื้น ดูแลผู้ป่วยติดเตียง เน้นการดูแลสุขภาพระยะกลาง - ระยะยาว เช่น ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้จำกัด กายภาพบำบัดฟื้นฟูผู้สูงอายุที่มีภาวะโรคแทรกซ้อน ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพฤต อัมพาต ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยหลังได้รับการผ่าตัดหรือผู้ป่วยอัลไซเมอร์ (Azheimer) ความจำเสื่อม เรามีกิจกรรม สันทนาการ การให้บริการดูแลรักษาผู้สูงอายุ ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ที่ได้มาตรฐานที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุทุกท่านได้ฟื้นฟูสมรรถภาพทางด้านร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้นและมีความสุขในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยมีทีมสหวิชาชีพ ประกอบไปด้วย แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด คอยดูแลให้คำปรึกษา
ผู้สูงอายุและผู้ป่วยแต่ละท่านต้องได้รับการดูแลที่ต่างกัน ดังนั้นการรักษาของดูแลผู้ป่วยพักฟื้น ดูแลผู้ป่วยติดเตียง Nest Nursing Home จะมุ่งเน้นการรักษาที่คำนึงถึงอาการและภาวะการเจ็บป่วยของผู้สูงอายุและผู้ป่วยเป็นรายบุคคล เพื่อให้ทุกท่านสามารถมั่นใจได้ว่าผู้สูงอายุคนสำคัญของท่านจะได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิและผลลัพท์ที่ดีที่สุด
ขั้นตอนการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยพักฟื้น
1.ประเมินผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยแรกรับ
(Assessment)
แพทย์ประเมินอาการของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยเพื่อแพทย์จะทำการประเมินอาการแรกรับ เพื่อวางแผนการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วย เช่น
•โรคประจำตัว
•ยาประจำตัว
•ความสามารถในการช่วยเหลือตัวเอง
•การเคลื่อนไหวและการทรงตัว
•ความเสี่ยงในการหกล้ม
•โภชนาการ
•การขับถ่าย
•การทำความสะอาดร่างกาย
•การทำความสะอาดช่องปาก
•ความจำ อาการสมองเสื่อม
•ภาวะซึมเศร้า
•หัตถการทางการแพทย์
2.วางแผนการดูแลเฉพาะบุคคล
(Personalized care plan)
เมื่อแพทย์ประเมินอาการของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยแล้ว จะทำการออกแบบโปรแกรมการดูแลให้เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยแต่ละราย เช่น
•โปรแกรมกายภาพป้องกันข้อติดในผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยอัมพฤต อัมพาต (stroke)
•โปรแกรมฝึกเคลื่อนย้ายตัวเองขึ้นลงรถเข็น (Transfer)
•โปรแกรมฝึกเดิน ฝึกการทรงตัว (Gait & balance)
•โปรแกรมฝึกกลืนในผู้ป่วยที่มีปัญหาการกลืน
•โปรแกรมฝึกกล้ามเนื้อมือในผู้ป่วยอัมพฤต อัมพาต
•โปรแกรมกิจกรรมกลุ่มต่างๆเพื่อกระตุ้นความจำ และความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างในผู้ป่วยอัลไซเมอร์
3. เราเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียง
(Multidisciplinary team)
ทีมของเราประกอบไปด้วย แพทย์ พยาบาล นักกายภาพ นักกิจกรรมบำบัด และ ผู้ช่วยการพยาบาล โดยทีมจะร่วมกับประเมิน และวางแผนให้การดูแลในแต่ละด้านที่เชี่ยวชาญ เพื่อการดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม (Holistic care) มีการตรวจบันทึกสังเกตอาการอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผู้สูงอายุพักอาศัย
4.เฝ้าระวังอาการเจ็บป่วยตั้งแต่แรกเริ่ม
(Early detection)
ทีมของเราประกอบไปด้วย แพทย์ พยาบาล นักกายภาพ นักกิจกรรมบำบัด และ ผู้ช่วยการพยาบาล โดยทีมจะร่วมกับประเมิน และวางแผนให้การดูแลในแต่ละด้านที่เชี่ยวชาญ เพื่อการดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม (Holistic care) ต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่พักอาศัยอยู่
5.ส่งต่อโรงพยาบาลเมื่ออาการเปลี่ยนแปลง
(Refer)
หากมีอาการเปลี่ยนแปลงจะมีการแจ้งญาติให้ทราบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เจ้าหน้าที่จะทำการประสานงานเพื่อนำส่งโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มมีอาการ ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่จะตามมา
โปรแกรมเฉพาะทางต่างๆ
โปรแกรมฝึกเดิน ฝึกการทรงตัว (Gait & balance)
เมื่อผู้สูงอายุอายุมากขึ้น สิ่งที่จะตามมาและมีผลต่อร่างกาย คือ ความแข็งแรงของร่างกายที่ลดลง โดยผู้ที่มีอายุมากขึ้น ระบบที่ช่วยเรื่องการทรงตัวของร่างกายจะสูญเสีย หรือเสื่อมลง ได้แก่ การมองเห็น หรือกล้ามเนื้อขาและข้อต่อต่าง ๆ ระบบสมองที่ควบคุมการทรงตัว หรือในผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวที่ส่งผมทำให้เกิดปัญหาการเดิน เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต จากเส้นเลือดในสมองตีบ หรือเส้นเลือดในสมองแตก (stroke) การกายภาพโดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรกหลังเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองตีบจะมีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาเดินได้ ช่วยให้ผู้สูงอายุมีการทรงตัวที่ดีขึ้น กล้ามเนื้อและข้อต่อ แข็งแรงขึ้น อีกทั้งยังป้องกันข้อติดหรือการหกล้มของผู้สูงอายุได้
โปรแกรมกายภาพป้องกันข้อติดในผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต
มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บหรือมีปัญหาทางร่างกายที่ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นบนเตียงนาน โดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุ เมื่อผู้ป่วยเหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างไม่เหมาะสม หรือเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด ก็ทำให้กลายเป็นผู้ป่วยที่ต้องนอนติดเตียงได้ ซึ่งการป่วยติดเตียงนี้เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ มากมาย เช่น ข้อต่อติดแข็ง เป็นแผลกดทับ เป็นต้น ซึ่งมีผลให้ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ สูญเสียความสามารถในการทำกิจกรรม หรือพิการไปตลอดชีวิต การกายภาพบำบัด จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ ช่วยลดความทุกข์ทรมานในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียง ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต
โปรแกรมฝึกเคลื่อนย้ายตัวเองขึ้นลงรถเข็น (Transfer)
การฝึกเคลื่อนย้ายเป็นการนำหรือช่วยผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง หรือมีความผิดปกติที่กระดูกสันหลัง เช่น หมอนรองกระดูทับเส้นประสาท แต่ยังมีกล้ามเนื้อแขนที่แข็งแรงอยู่ การฝึกเคลื่อนย้ายตัวเองจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถพยุงตนเองขึ้นลงรถเข็น wheelchair จากเตียงได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยเป็นอิสระมากขึ้น และช่วยลดภาระของผู้ดูแล
โปรแกรมฝึกกลืนในผู้ป่วยที่มีปัญหาการกลืน หรือ ภาวะกลืนลำบาก
ผู้ที่มีภาวะการกลืนลำบาก มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อระบบทางเดินหายใจ จากการสำลักอาหารหรือน้ำเข้าปอด เช่น การติดเชื้อ การอุดตันของระบบทางเดินหายใจ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะการขาดน้ำ ขาดอาหารได้มากกว่าผู้ที่ไม่มีภาวะการกลืนลำบาก หากละเลยปัญหาการกลืนลำบากมักส่งผลให้เกิดอาการมากขึ้น หรือทำให้เกิดอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์เพิ่มเติม และอาจต้องใช้การรักษาต่อเนื่องยาวนานขึ้น ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาหรือเริ่มมีภาวะการกลืนลำบากจึงควรตรวจประเมินหาสาเหตุและวางแผนการรักษา โดยวิธีการรักษาการกลืนลำบากนั้นขึ้นอยู่กับระดับปัญหาของแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์และนักกิจกรรมบำบัดจะร่วมกันวางแผน ออกแบบโปรแกรมการรักษาให้เหมาะสมกับระดับปัญหาของแต่ละบุคคล
โปรแกรมฝึกกล้ามเนื้อมือในผู้ป่วยอัมพฤต อัมพาต
มือเป็นอวัยวะสำคัญในการทำกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่การทำกิจวัตรประจำวัน เช่น หยิบจับสิ่งต่างๆ ตักอาหาร แปรงฟัน อาบน้ำ เขียนหนังสือ ทำงานบ้าน หรือ ประกอบอาชีพ บางสภาวะหรือโรคอาจทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อมืออ่อนแรง หรือ ข้อนิ้วมือเกิดข้อติดได้ เช่น โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดสมองแตก หรือการใส่เฝือกนานๆ ภาวะข้ออักเสบ เก๊าท์ รูมาตอย ทำให้ความสามารถในการหยิบจับสิ่งของลดลง การกายภาพบำบัดจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือ ความแม่นยำของประสาทสัมผัสที่ควบคุมมือ เช่น การหยิบจับวัตถุชิ้นเล็กๆ
โปรแกรมกิจกรรมกลุ่มต่างๆเพื่อกระตุ้นความจำ และความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างในผู้ป่วยอัลไซเมอร์
สมองเสื่อม เป็นภาวะที่สมรรถภาพการทำงานของสมองถดถอยบกพร่องในด้านการรู้คิด ได้แก่ ความจำ การตัดสินใจ การวางแผน และบริหารจัดการ การรับรู้รูปทรง และการกะระยะ การใช้ภาษา สมาธิ หรือ ความใส่ใจ ความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับสังคมรอบตัว โดยมีผลกระทบต่อความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวันและการเข้าสังคม สมองเสื่อมเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งสาเหตุที่แก้ไขได้และแก้ไขไม่ได้ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน เนื้องอกสมอง โพรงน้ำในสมองขยายตัว โรคขาดฮาร์โมนต่อมไทรอยด์ โรคติดเชื้อบางชนิด เช่น ชิฟิลิสและเอดส์ เป็นต้น ปัจจบันพบโรคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมที่พบบ่อยที่สุด ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานการรักษาโรคให้หายขาด จึงมุ่งเน้นการดูแลรักษาเพื่อช่วยลดความพกพร่องทางการรู้คิด และสนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถประกอบกิจวัตรประจำวันและเข้าสังคมได้มากที่สุด เช่น การกระตุ้นให้ผู้ป่วยใช้ความคิด การทำกิจกรรมต่างๆเพื่อกระตุ้นสมอง การพูดคุยกับผู้อื่นเพื่อฝึกทักษะด้านภาษา